มีไม่มากนักที่เราจะเห็นชุมชนที่ทำการเกษตรอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ตลอดทั้งปี ซึ่งที่ชุมชนบ้านสวาย หมู่ที่ 2 ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
เป็นชุมชนที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลไพรบึง พูดจากันด้วยภาษาเขมรถิ่นไทย
หนึ่งในสี่ของเผ่าของศรีสะเกษ ชุมชนที่นี่ทำเกษตรกันตลอดปีเลย
ที่นี่ เดิมทีเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีการแยกบ้านสนวนออกจากสวายไป
บ้านสวายจึงกลายเป็นชุมชน 135 ครัวเรือนที่อยู่จริง แต่ยังคงมีโรงเรียนและวัดที่ใช้ร่วมกัน
ส่วนใหญ่ทำนาเป็นหลัก แต่ด้วยการทำนาในปัจจุบันใช้เครื่องจักรกันถ้วนหน้า
การทำนาจึงกลายเป็นรูปแบบผู้จัดการนากันแทบทั้งสิ้น ทำให้ชาวบ้านเลือกทำอาชีพเสริมหรืออาชีพรองที่พอเลี้ยงชีพได้
ในระยะหลังมานี้ชาวบ้านมีการทำอาชีพ ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลกันเกือบ 100 % ครัวเรือนละ
1-3 คน โดยจะมีการไปขายในรูปแบบเดี่ยว ด้วยรถจักรยานยนต์ ขับไปตามบ้าน ตามชุมชน
ทั้งในเขตพื้นที่และต่างพื้นที่ เย็นก็กลับมาบ้านอย่างหนึ่ง
บางเจ้าขึ้นรถประจำทางไปลงในเขตจังหวัดแล้วตระเวนเดินขาย เย็นมาก็กลับมาบ้าน อีกส่วนหนึ่งคือมีรวมกลุ่มกัน
7-10 คนแล้วว่าจ้างรถกันเองแล้วไปขายตามต่างจังหวัด ซึ่งไปกันหลายวัน
หรือจนกว่าจะหมดแล้วจึงกลับมาบ้านตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วคนค้าสลากกินแบ่งนี้จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงานเป็นหลัก
สำหรับช่วงวัยสูงอายุนั้น
กลับมีอาชีพพิเศษกว่าพื้นที่อื่น ๆ นั่นคือทุกเช้าและเย็น
จะต้องออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่แปลงผักที่อยู่บนพื้นที่สาธารณะหน้าชุมชน
ที่ชุมชนถือกติการ่วมกัน ซึ่งแปลงนี้อยู่บนริมสระหนองน้ำขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า
หนองใหญ่ หรือ ผู้คนภายนอกจะเรียกว่า “บึงนกเป็ดน้ำไพรบึง” เพราะมีนกเป็ดน้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี
มีการขุดลอกคลองจากหนองใหญ่มาทำเป็นคันกั้นขนาดใหญ่เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
กั้นเป็นสองฟาก โดยฟากที่เป็นหนองใหญ่นั้นยังคงเรียกชื่อเดิม และอีกฟากหนึ่งได้ใช้ชื่อว่า
“หนองคะเตียน” และคันดินที่กั้นตรงกลางนั้นได้จัดสรรแบ่งเป็นล็อค ๆ ละขนาด 3x8 เมตร จำนวน
107 ล็อค ๆ ละครัวเรือน ให้ชาวบ้านมาใช้ประโยชน์โดยการให้ปลูกพืชผักชนิดต่าง ๆ โดยได้มีการดำเนินการปลูกผักมาตั้งแต่ปี
2542 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีค่าบำรุงคนละ 10 บาทต่อการสูบน้ำแต่ละครั้งเป็นค่าบำรุงเครื่องสูบน้ำจากหนองน้ำมาเก็บไว้ในพื้นที่ข้าง
ๆ แปลงนั้น
พืชผักที่ปลูกได้ทุกฤดูกาลสำหรับที่นี่คือ พืชผักสมุนไพรคู่ครัวเรือน
อาทิ พริก ข่า ตะไคร้ โหระพา และสำหรับหน้าร้อนเช่นนี้ ที่เห็นมีแทบทุกแปลงคล้าย ๆ
กันคือ ผักบุ้ง คะน้า เป็นหลักที่ปลูกง่าย โตไว เก็บกินและจำหน่ายได้เร็ว เป็นที่ต้องการของตลาดด้วย
ในทุก ๆ เช้ามืดและบ่ายแก่ ๆ ของวัน
จะมีชาวบ้านที่เป็นเจ้าของแปลงผัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นสูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป
มารดน้ำผักบ้าง มาถอนหญ้าบ้าง มาเก็บผักเพื่อไปจำหน่ายบ้าง
หรือมาเตรียมแปลงเพื่อปลูกชนิดใหม่บ้าง
โดยในทุกเช้าจะมีการฝากผักไปกับคนที่นำผักไปเร่ขายโดยมัดผักนั้น
ๆ เป็นกำ ๆ ใส่ตะกร้ารถจักรยาน ปั่นไปขายตามซอก ซอย ถนนต่าง ๆ ในเขตอำเภอไพรบึง
จ.ศรีสะเกษ
สำหรับบางเจ้าที่ติดต่อกับร้านขายอาหารตามสั่งหรือร้านเนื้อย่างต่าง
ๆ ก็นำไปส่งประจำทุก ๆ วัน
คุณยายเดือน เสนคราม วัย 63 ปี กำลังถอนหญ้าในแปลงผักเพื่อนำหญ้านั้นไปให้วัวที่บ้านและคุณตาเกรียว
เสนคราม วัย 64 ปี ซึ่งเพิ่งกลับมาจากทำงานประจำร้านวัสดุก่อสร้างในเขตอำเภอ
มาช่วยรดน้ำในแปลงผักประจำทุกวัน เป็นครอบครัวที่ดูอบอุ่น ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง
คุณยายเดือน เล่าว่า “ทุกวันจะมารดน้ำ
พรวนดิน ถอนหญ้าเช่นนี้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น โดยมีคุณตาที่ไปรับจ้างร้านค้าขายวัสดุมาคอยช่วยรดน้ำด้วย
และวันนี้ก็มาถอนหญ้าในแปลงผักเพื่อนำไปให้วัวที่เลี้ยงไว้ด้วย 3 ตัว
ส่วนผักที่ปลูกก็มีหลายชนิด และที่เพิ่งหมดไปคือผักบุ้ง เพิ่งเก็บและนำไปขายหมดเมื่อวาน
และรออีกรุ่นที่กำลังรดน้ำอยู่นี้ด้วย ผักที่เก็บไว้ก็นำใส่ตะกร้าไปเร่ขายในเขตอำเภอไพรบึง
นำเร่ไปขายใส่ตะกร้าปั่นจักรยานไปช่วงเช้า ๆ ไม่นานก็หมดแล้ว ก็ทำแบบนี้ทุก ๆ วัน”
ในทุก ๆ เย็นริมหนองใหญ่ติดกับแปลงผักนี้
จะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายด้วย พอวิ่งเสร็จบางคนก็จะแวะมาซื้อผักสด ๆ ที่แปลงผัก
ที่ให้เลือกให้ชมที่แปลงได้เลย บางวันจะมีนักท่องเที่ยวมาซื้อผักที่นี่ด้วย
นี่คือบรรยากาศที่หาชมได้ยาก
ในการทำเกษตรแบบบ้าน ๆ และสามารถนำพืชผักเหล่านั้นไปใช้ได้จริง กินก็ได้ ขายก็ดี
ปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับ อีกทั้งเป็นการออกกำลังกายไปในตัวสำหรับผู้สูงอายุ
รวมไปถึงสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับตัวเอง ครอบครัวและสังคมต่อไป
หากสนใจหรืออยากสนับสนุน
เชิญแวะชม แวะสนับสนุน แวะพักผ่อนกันได้ครับ ถ้าไปแล้วรับรองได้กำไรชีวิตเป็นแน่แท้
ที่นี่คือบ้านที่เราอยากให้ทุกคนไปสัมผัส
ที่นี่บ้านสวาย หมู่ที่ 2 ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
เรื่อง/ ภาพ : ขวัญชิต โพธิ์กระสังข์