"... ชวนผู้นำและชาวบ้าน ผ่านสภาผู้นำชุมชนทำตามความต้องการของชาวบ้านเอง
ด้วยสำนึกรักบ้านเกิดของตัวเอง..."
แต่ละถิ่น
แต่ละพื้นที่ ล้วนมีเรื่องราว มีสิ่งดีงาม มีวิถีวัฒนธรรม มีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป
อยู่ที่ชุมชนนั้น ๆ มีการจัดการกับเรื่องราวเหล่านั้นอย่างไร
บางพื้นที่มีการบริหารจัดการและขับเคลื่อนชุมชนตัวเองจนน่าอยู่
มีกิจกรรมที่ถูกออกแบบโดยคนในชุมชนเองก็มีให้เห็นไม่น้อย ซึ่งที่ตำบลผักไหม
อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
คือหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเข้มแข็งในการบริหารจัดการและขับเคลื่อนชุมชนได้ทั้งตำบล
โดยมีท้องถิ่นอย่าง องค์การบริหารส่วนตำบล เป็นหน่วยงานหลักที่มาชวนท้องที่ทั้ง ๑๗
หมู่บ้านขับเคลื่อนไปด้วยกัน ซึ่งมีชื่อว่า “หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ตำบลผักไหม”
วิถีวัฒนธรรมแซนโฎนตาเดือนสามของบ้านไทยเชื้อสายเขมรบ้านผักไหมใหญ่ |
“ตำบลของเรา
มีพี่น้องพูดภาษาถิ่นกันหลายภาษา คือ เขมร กูย ลาว และมีภาษาไทยกลางเป็นภาษาราชการ
แม้จะคุยกันหลากหลายภาษาแต่เราไม่เคยแตกแยกกัน
มีการทำงานร่วมกันโดยเป็นการผนวกท้องถิ่นและท้องที่ทำงานร่วมกัน
ซึ่งเราโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับ สสส. สำนัก 6
ที่ทำงานขับเคลื่อนด้านสุขภาพมาตั้งแต่ ปี 2553 เป็นต้นมา จนในปัจจุบันนี้
เราได้มีการขยับขับเคลื่อนไปด้วยกันทั้ง 17 หมู่บ้านเลย โดยมีน้อง ๆ
ที่เป็นพนักงานและเจ้าหน้าที่ของ อบต.เรา คอยเป็นพี่เลี้ยง
คอยประสานและลงพื้นที่ให้ข้อมูลชวนผู้นำและชาวบ้าน
ผ่านสภาผู้นำชุมชนทำตามความต้องการของชาวบ้านเอง ด้วยสำนึกรักบ้านเกิดของตัวเอง” จันทรา
หาญสุทธิชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผักไหม
หญิงแกร่งหัวเรือของหน่วยงานท้องถิ่นที่ทำงานควบกับหน้าที่
“หัวหน้าหน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ตำบลผักไหม” ด้วย
เล่าให้ฟังถึงบริบทและการจัดการชุมชนให้น่าอยู่
พี่เลี้ยงที่เอ่ยถึงคือผู้ประสานงาน คอยกระตุ้นชุมชนที่ตัวเองดูแลและกำกับติดตามงานด้วย
ซึ่งพี่เลี้ยงแต่ละคน เลือกที่จะไปประจำการทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้กับชุมชนตัวเอง
ครัวเรือนมีการจัดการสวนครัวทีก่ินได้ |
“ได้รับผิดชอบดูแลหมู่บ้านหนองลุงที่ขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง
ๆ ของชุมชน ซึ่งหน้าที่หลักคือการหนุนเสริมชุมชน โดยในช่วงแรก ๆ
คือการพัฒนาศักยภาพในเรื่องความรู้ต่าง ๆ ให้กับชุมชน
โดยมีสภาผู้นำชุมชนคอยขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน
ซึ่งการขับเคลื่อนร่วมกันกับชุมชนแบบนี้ ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพอย่างเดียว
แต่มันสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านสังคมและมิติด้านอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น”
นุสรา มังษะชาติ หญิงสาวตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการของ อบต.
และบทบาทพี่เลี้ยงวิชาการของชุมชน หนึ่งใน 20
คนที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงคอยหนุนเสริมชุมชนของพื้นที่ตำบลผักไหม
กิจกรรมที่ตำบลผักไหมได้ขับเคลื่อน แม้ว่าโดยหลักจะเป็นงานด้านสุขภาพ
อาทิ การลดใช้สารเคมีทางการเกษตร การลดละเลิกแอลกอฮอล์ การปลูกและกินผัก
รวมไปถึงงานจัดการด้านสุขภาพของผู้คนในชุมชน
ซึ่งดูจะเป็นเรื่องราวพื้นฐานที่ชุมชนอื่น ๆ อาจจะคิดว่าไกลตัว
แต่ที่นี่ขับเคลื่อนงานเหล่านี้และสามารถสร้างสภาผู้นำชุมชนให้เข้มแข็ง
และต่อยอดไปสู่การคิดกิจกรรม
แผนเพื่อพัฒนาชุมชนให้น่าอยู่ได้ด้วยการพูดคุยกันทุกเดือน ที่เรียกว่า “ประชุมสภาผู้นำชุมชน”
ในแต่ละเดือนด้วย
ความเป็นระเบียบเกิดจากการเห็นความสำคัญของชุมชน |
สิ่งที่ปรากฏชัดและเห็นได้ด้วยตาเมื่อมาสัมผัสคือ
ทุกหมู่บ้านในตำบลผักไหมแห่งนี้ จะมีแผนผังผู้นำชุมชน สภาผู้นำชุมชน ป้ายกฎ กติกา
ระเบียบข้อบังคับ และข้อตกลง ที่ติดให้เห็นเด่นชัดกลางศาลาประชาคมของแต่ละชุมชน
ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงด้านการซื้อ/จำหน่ายแอลกอฮอล์
หรือมาตรการที่ชุมชนร่วมกันออกแบบเพื่อป้องกันผู้ใช้สารเสพติดต่าง ๆ และป้ายมาตรการใช้สารเคมีทางการเกษตร
รวมถึงป้ายกิจกรรม รณรงค์ตามวาระและโอกาสที่ชุมชนมีด้วย และในปัจจุบันนี้แต่ละหมู่บ้านก็สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของกลุ่มต่าง
ๆ ด้วยเช่นกัน
และด้วยที่ตำบลผักไหม
มีการขับเคลื่อนกิจกรรมที่เกี่ยวกับด้านสุขภาพทุกหมู่บ้าน
ทำให้ชุมชนเกิดการตื่นตัวและพัฒนาหมู่บ้านของแต่ละคนให้น่าอยู่ สะอาด
เป็นระเบียบเรียบร้อย
ที่หน้าบ้านหรือหลังบ้านมักจะมีการปลูกพืชผักสวนครัวกับแทบทุกครัวเรือน อาทิ
ผักบุ้ง ผักกาด ผักชี พริก ตะไคร้ โหระพา ถั่วฝักยาว และอื่น ๆ อีกหลากหลายชนิด
ซึ่งก็เป็นการจัดการชุมชนให้เห็นถึงการรักษารากเหง้าวิถี
และอยู่กับตัวตนความเป็นจริงของตัวเองด้วย
โดยไม่ต้องมีการจับจ่ายซื้อของเพื่อประกอบอาหารให้สิ้นเปลืองนัก
แม้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูแล้ง สภาพทุ่งนาของหลาย
ๆ หมู่บ้านกลับปรากฏให้เห็นพืชในแปลงนาที่กำลังออกดอกงดงาม
แทนที่ข้าวที่ถูกเก็บเกี่ยวออกไป ซึ่งมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชหลังนา คือ กระเจี๊ยบ
และปอเทือง เป็นต้น
ซึ่งการปลูกพืชเหล่านี้ไม่เพียงแต่บำรุงสภาพดินแล้วยังเป็นการสร้างรายได้ด้วยการเก็บกระเจี๊ยบขาย
หรือนำเมล็ดกระเจี๊ยบออกจำหน่ายได้ด้วย
กระเจี๊ยบคือพืชบำรุงดินและสร้างรายได้ให้ชุมชน |
นี่คงเป็นความเข้มแข็งของชุมชนที่มีการวางแผนและมีกระบวนการทำงานที่เป็นขั้นตอนตั้งแต่วิธีคิดและการดำเนินการ
ด้วยผลประโยชน์ของผู้คนในชุมชนด้วย
“หลายปีที่ผ่านมา
สังเกตเห็นได้ถึงการพัฒนาทั้งวิธีคิดและการดำเนินการของหมู่บ้านต่าง ๆ
ที่เขามีสภาผู้นำชุมชนร่วมกันวางแผนและออกแบบกัน หน่วยงาน
อบต.เองก็ทำได้แค่หยิบเอาแผนงานที่ชุมชนทำข้อมูลหลักเอาไว้แล้วมาเข้าแผนงานของ
อบต. ซึ่งถ้า อบต.ลองทำเป็นไม่ใส่ใจสิ่งที่ชุมชนคิดเอาไว้สิ เป็นเรื่องแน่
เพราะอย่างน้อยที่สุด สภาผู้นำชุมชนของแต่ละหมู่บ้านนั้น ๆ ไม่ยอมแน่นอน” บทสรุปที่
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลผักไหม ได้กล่าวชื่นชมถึงความเข้มแข็งของชุมชน
ซึ่งก็ตรงกันกับที่คุณ
ตรีทิพย์นิภา บัวบาน นักวิเคราะห์และบริหารโครงการ สำนักสร้างสรรค์โอกาส
สสส. ได้ให้ความเห็นกับหน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ตำบลผักไหมแห่งนี้ว่า “วิธีการทำงานของนายก
เป็นกุศโลบายที่ค่อนข้างแยบยลมากเลย ใช้เจ้าหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายกพัฒนาคนได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ธุรการ ครูศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์รวมไปถึงเจ้าหน้าในสำนักงาน
เพราะเขาเหล่านี้คือกำลังสำคัญของ อบต.ในการทำงานของพื้นที่ตัวเองต่อไป
ซึ่งเห็นความพิเศษของพื้นที่แห่งนี้ คือ
เนื่องการการทำงานของภาครัฐนั้นเขาต้องทำงานตามโครงการ แต่สำหรับที่นี่
เขาทำงานจากข้อมูลร่วมกับชุมชนได้เป็นอย่างดี และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมให้เข้ากันได้เป็นอย่างดี
นี่ล่ะ คือกุศโลบายที่ท่านนายกมี วิสัยทัศน์ที่ท่านนายกมีไม่เหมือนใคร”
นายกอบต.ผักไหม หัวเรือหลักขับเคลื่อนชุมชน |
นี่คงเป็นพื้นที่หนึ่งในบรรดาอีกหลายพื้นที่
ที่ท้องที่ทำงานร่วมกับท้องถิ่นและมีสภาฯมาขับเคลื่อนเหมือนกัน เพียงแต่ว่าชุมชนก็คือ
สภาผู้นำชุมชน สามารถคิดและวางแผนว่าตัวเองต้องการอะไร จะทำอะไร แบบไหน
แล้วเสนอสิ่งเหล่านั้นสู่ท้องถิ่นหรือทำงานเสนอผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
โดยมีท้องถิ่นหนุนเสริมและเดินไปด้วยกัน
และสามารถจัดการชุมชนทั้งตำบลให้น่าอยู่ได้ด้วยกุศโลบายที่ชวนสภาผู้นำแต่ละชุมชนคิดและวางแผนร่วมกัน
ด้วยหน่วยงานท้องถิ่นที่เป็นหัวเรือหลักในการขับเคลื่อนที่ชื่อ “หน่วยจัดการชุมชนน่าอยู่ตำบลผักไหม”
แห่งนี้
.
เรื่อง/ ภาพ : ขวัญชิต โพธิ์กระสังข์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น