เรื่อง / ภาพ ขวัญชิต โพธิ์กระสังข์
ในความเรียบง่ายของไทบ้านอีสานเฮานั้น ยังมีวิถีประเพณี
วัฒนธรรม ความเชื่อ ภาษา อาหารการกินและการปฏิบัติที่หลากหลายซ่อนอยู่ในนั้น
ซึ่งนั่นคือมนต์เสน่หนึ่งของความเป็นอีสานบ้านเรา
การเอาผีขึ้นเฮือน ฟังดูน่ากลัวแต่นี่คือพิธีกรรมหนึ่งของชาวไทอีสาน
ที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยเฉพาะฝั่งคนขุนหาญที่สื่อสารด้วยภาษาลาว
บ้านโนนลัด บ้านดู่ บ้านขุนหาญและบ้านใกล้เคียง ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
ตามความเชื่อของชาวบ้าน เชื่อว่า ผู้ที่ตายแล้ว
จะมีวิญญาณเร่ร่อนอยู่ที่บ้านของตัวเองอยู่ในสถานะอีกโลกหนึ่ง
สามารถรับรู้และเห็นว่าคน(ลูกหลาน)ในโลกปัจจุบันทำอะไรอยู่บ้าง
แม้จะรับรู้แต่ก็ไม่สามารถบอกกล่าวพูดคุยกับคนปกติได้ และไม่สามารถเข้ากับผีตนอื่น
ๆ (ผีบรรพบุรุษที่ตายไปก่อนแล้ว) เพราะจะมีกลิ่นเหม็นสาบและคาวในรูปแบบของผี
ด้วยเหตุว่ายังไม่ได้มีการทำพิธีล้างผี อาบน้ำอบน้ำหอมให้กับผีตนนั้น ๆ เสียก่อน
|
เครื่องเซ่น สำหรับข่าว (บอกกล่าว) ให้กับสิ่งลี้ลับได้รับรู้ |
ชาวลาวขุนหาญ จึงต้องทำพิธี “เอาผีขึ้นเฮือน” คือการอัญเชิญผีตนนั้น ๆ
มาอยู่บนบ้านและมีการอาบน้ำอบน้ำหอมให้ด้วย โดยจะต้องทำในช่วงเดือนคู่เท่านั้น คือ
เดือน 2,4,6และ12 เป็นหลัก
(เว้นในช่วงเข้าพรรษาถึงออกพรรษา) โดยพิธีกรรมนี้จะมีการอัญเชิญผีตนนั้น ๆ
เข้ากับร่างทรง (ที่เป็นแม่หมอครูอ้อ) เป็นเจ้าพิธีในการอัญเชิญ
และมีหมอแคนคอยบรรเลงแคนด้วยจังหวะเฉพาะ เพื่อบรรเลงเรียกให้ผีตนนั้น ๆ
เข้ามาเพื่อรับรู้และมาพบปะญาติพี่น้องที่เป็นคน พูดจา
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับผีบรรพบุรุษผ่านร่างทรง
นี่คือเรื่องราววิถีความเชื่อ
และการยึดถือปฏิบัติที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นกับคนไทชาติพันธุ์ลาว แห่งถิ่นขุนหาญ
บ้านโนนลัด ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
ข่าว-บอกกล่าว
โดยพิธีกรรมดังกล่าว จะไม่ได้ทำใหญ่โตนัก
เป็นเพียงแต่พี่น้องและลูกหลานของผู้ตายมาร่วมเท่านั้น โดยก่อนจะทำพิธีกรรมนั้น ญาติพี่น้องต้องทำพิธีการ
"ข่าว" เสียก่อน นั่นคือการบอกกล่าวให้กับสิ่งลี้ลับต่าง ๆ
ที่มองไม่เห็น นับมาตั้งแต่พระแม่ธรณี ผีปู่ตา ผีเหย้าผีเรือน
จนกระทั่งถืงวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบของการข่าว
ได้แก่ การบอกกล่าวถึงพระแม่ธรณี, ผีปู่ตาและผีเหย้าผีเรือน นั้น จะต้องนำกับข้าวคาวหวานและจุดธูป-เทียนและจวยดอกไม้
ไปกระทำที่โคนต้นไม้ที่อยู่รอบบ้านเท่านั้น
|
เซ่นบอกพระแม่ธรณี, และผีเหย้าผีเรือน จะเซ่นริมโคนต้นไม้บนดิน |
ส่วนการข่าวไปยังวิญญาณผีบรรพบุรุษนั้น
จะกระทำด้วยการนำกับข้าวคาวหวานใส่ถาด และมีผ้าไหม มีการจุดธูป-เทืยนโดยจะกระทำบนบ้าน
เรียกบอกผีบรรพบุรุษให้ทราบทุกตัวตน
ซึ่งการข่าว
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขอให้ท่านเหล่านั้นรวมถึงผีบรรพบุรุษช่วยอำนวยเรียกขานหรือช่วยบอกต่อไปยังผีผู้ตายด้วยว่า
ให้รีบมารับรู้และเข้ามาร่วมพิธีกรรมแต่โดยดี อย่าได้ขัดขวางหรือกระทำการใด ๆ
ที่ขวางต่อการมาของผีผู้ตายโดยประการทั้งปวง
|
เซ่นบอกผีบรรพบุรุษ จะเซ่นข่าวบนบ้าน เพราะเป็นผีที่ทำพิธีการล้างผีและอยู่บนเรือนแล้ว |
ขึ้นครู
เมื่อมีการข่าวเรียบร้อยแล้ว
ญาติของผู้ตาย ที่ประกอบไปด้วย สามีหรือภรรยาของผู้ตาย พี่และน้องรวมถึงลูกหลานของผู้ตาย
จะรายล้อมรอบตัวแม่ครูนางอ้อ
ที่เป็นผู้อัญเชิญและเป็นตัวแทนของการเข้ามาประทับร่างทรง และมีหมอแคนขนาบข้าง
โดยก่อนจะเริ่มพิธี คณะเจ้าภาพหรือพี่น้องลูกหลานผู้จัดงานจะต้องถวายมอบขึ้นครูต่อผู้ประกอบพิธีกรรมทั้งสองท่านก่อน
(คนละชุด) ซึ่งจะประกอบด้วย ถ้วยที่ใส่ข้าวสารมาจนเต็มและปักด้วยจวยใบตองที่เสียบปักด้วยดอกไม้
มีเทียนอีกหนึ่งคู่ปักบนถ้วยข้าวสาร มีน้ำอัดลมเหล้าขาวรวมถึงค่าขึ้นครู
|
แม่ครูหมอและหมอแคน ทำพิธีอัญเชิญครูบาอาจารย์ตัวเองให้รับรู้กับการกระทำพิธีกรรมนี้ |
และภายในถาดก็จะมีผ้าแพร-ผ้าถุงไหม
โสร่งไหม จวยใบตอง น้ำอบน้ำหอม
เป็นเครื่องพิธีกรรมอีกชุดหนึ่งโดยมีมีดดาบยาวโบราณที่อยู่ในฝักผูดมัดด้วยฝ้าย
บ่งบอกว่าฝ้ายเหล่านั้นคือสัญลักษณ์ของแม่หมอว่าผ่านมากี่งานและบ่งบอกถึงความศรัทธา
ซึ่งมีดดาบดังกล่าวก็คือตัวแทนร่วมของการอัญเชิญสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นเข้ามาสู่พิธีกรรมนี้ด้วย
ซึ่งแม่ครูและหมอแคนเอง
ก็มีการทำพิธีเพื่อเปิดทางเป็นอารัมภบทบอกกล่าวเทวดาผู้ปกปักษ์รักษาให้ทราบ
ด้วยการจุดเทียน และอัญเชิญครูบาอาจารย์ของตัวเองเข้ามารับรู้และให้ดำเนินการผ่านไปด้วยดี
อัญเชิญเทพยดาและสิ่งลี้ลับเข้าสู่พิธีกรรม
|
ญาติผู้ตาย คารวะแม่หมอ |
ไม่นานนักเสียงแคนก็บรรเลงขึ้นด้วยจังหวะเฉพาะ
และแม่ครูก็เริ่มด้วยการประนมมือนิ่งสักพักก็มีปฏิกิริยาด้วยการวนมือที่ประนมนั้นเป็นรูปวงกลมจากช้าเป็นเร็ว
วนรอบ3-4รอบหรืออาจจะมากกว่านั้น ก่อนจะหยุดลงด้วยการปรบมือดังแล้วมองซ้ายขวา
นั่นบ่งบอกถึงว่า ร่างทรงของแม่หมอนั้นมีสิ่งลี้ลับเข้าประทบทรงแล้ว
ซึ่งก็คือผีบรรพบุรุษที่เข้ามากับเสียงแคนและการอัญเชิญนั่นเอง หากถ้าผีตนใดเข้ามาแล้ว
ก็จะมีการพูดคุยกันประสาเหมือนลูกหลานถามไถ่กันสักพัก
แล้วออกจากร่างทรงด้วยการที่แม่หมอนั้นกระทำเช่นเดียวกับตอนเริ่มแรก
|
แม่ครูหมอ อารัมภบทมนต์ ก่อนพิธีกรรมอัญเชิญผีบรรพบุรษประทับร่างทรง |
ผลัดการเข้ามาเยี่ยมเยียนของผีบรรพบุรุษตนแล้วตนเล่า
จนผีผู้ตายนั้นเข้ามาก็จะมีการใช้น้ำอบน้ำหอมลูบหน้าแม่ครูหมอเป็นข้อแตกต่างจากผีบรรพบุรุษตนอื่น
ๆ ที่ไม่มีการใช้น้ำอบน้ำหอมลูบหน้า และต่อด้วยการผูกแขนและพูดคุย
รวมถึงถามไถ่ผีผู้ตายนั้นว่า จะประสงค์จะอยู่ที่ไหน กล่าวคือ
อยู่ร่วมกับผีบรรพบุรุษของตัวเองที่บ้านใหญ่ หรือจะอยู่ที่บ้านของตัวเอง
(ในกรณีที่ผู้ตายแยกบ้านมาอยู่ต่างหาก)
เมื่อคุยกันเสร็จสรรพรู้ถึงจุดประสงค์เป้าหมายแล้ว
ก็จะมีการผูกฝ้ายกับขี้ผึ้งที่ปั้นเป็นรูปคนไว้ ว่านั่นคือตัวแทนของผีผู้ตายก่อนจะยกหิ้งขึ้นไว้ตามจุดที่ผีผู้ตายได้ต้องการไว้นั่นเอง
|
ขณะผีบรรพบุรุษเข้าประทับร่างทรง |
ปัจฉิมบทแห่งพิธีกรรม
เมื่อพิธีการจบลง
ลูกหลานญาติมิตรที่ร่วมพิธีกรรมก็ต่างจัดพาข้าวกินข้าวน้ำส่ามปลาร่วมกัน
ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านทำภารกิจของตัวเองต่อไป
ขวัญชิต โพธิ์กระสังข์
บันทึกเรื่องราววิถีแห่งศรัทธา คนกับผี
05 พฤษภาคม 2562